Friday, April 5, 2013

เปลี่ยนลมยางเป็นไนโตรเจนดีหรือไม่ (Nitrogen Versus Compressed Air of tire inflation pressure)

ในช่วงเทศกาลสงกรานต์หรือวันหยุดยาวใดๆ การเดินทางและการใช้รถใช้ถนนจะเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก หนึ่งในกฏความปลอดภัยในการเดินทางคือ การตรวจสอบความดันลมยาง (Inflation pressure) และควบคุมความดันลมยางให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานตามข้อกำหนด โดยในปัจจุบันผู้ขับขี่นิยมไนโตรเจนแทนลมยางปกติในล้อยาง ซึ่งว่ากันว่ามีข้อดีหลายประการ แต่ก็มีความไม่สะดวกหลายประการเช่นกัน ในบทความนี้จะขอกล่าวถึงเรื่องความดันลมยางและรายละเอียดของไนโตรเจนและลมยางปกติกันครับ โดยก่อนอื่นจะขอเกริ่นนำเรื่องการตรวจสอบความดันลมยางกันก่อนครับ โดยปกติแล้วล้อยางมีการรั่วของความดันอยู่แล้วโดยความดันจะลดลงประมาณ 1 psi (ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) ในระยะเวลา 1 เดือน ดังนั้นท่านผู้ใช้รถควรจะตรวจสอบความดันลมล้อยาง (รวมถึงของล้อยางอะไหล่) เดือนละครั้ง หรือก่อนจะเดินทางระยะไกล เนื่องจากเราทราบกันดีว่า ความดันลมยางที่ต่ำกว่ามาตรฐานส่งผลต่ออายุการใช้งานของล้อยางและการสิ้นเปลืองน้ำมันโดยตรง โดยวิธีการตรวจสอบความดันลมยางสามารถทำได้ดังนี้

  1. จัดเตรียมเกจวัดความดันแบบกด (Trusted pressure gauge)
  2. ตรวจสอบว่าล้อยางของท่านอยู่ในภาวะ "เย็น" คือ ก่อนที่ท่านจะขับขี่รถ เช่น ตอนเช้าก่อนใช้งาน หรือหลังจากขับรถมาจอดเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 3 ชม
  3. สอดเกจวัดความดันลมไปที่วาล์ว(จุกลม)ของล้อยาง  เกจจะดันตัวออกและแสดงตัวเลขความดันที่วัดได้ เมื่อท่านได้ยินเสียงลมออกจากจุกลม แสดงว่า ลมกำลังรั่วออกจากล้อยาง การรั่วของลมผ่านจุกลมขณะวัดความดันลมยางจะไม่มีผลต่อความดันลมยาง เว้นแต่ท่านจะกดแช่เกจวัดความดันเป็นเวลานานเกินไป
  4. ให้ท่านเปรียบเทียบความดันลมยางที่ท่านอ่านได้จากเกจวัดความดันลมยางกับขนาดความดันลมยางที่ติดไว้ที่ด้านข้างประตูคนขับหรือในคู่มือการใช้รถยนต์ ห้ามไปเปรียบเทียบกับความดันลมยางที่แสดงที่แก้มยาง เนื่องจากตัวเลขดังกล่าวแสดงถึงความดันลมยางสูงสุดที่ล้อยางจะรับได้
  5. หากค่าความดันลมยางที่อ่านได้สูงกว่าที่กำหนดก็ให้เอาลมยางออกจนได้เท่ากับที่กำหนด หรือ หากค่าความดันลมยางที่อ่านได้ต่ำกว่าที่กำหนดก็ให้เติมลมยางจนความดันเท่ากับที่กำหนด แต่สำหรับผมเองจะเติมสูงกว่าที่กำหนดไว้ 2 psi เพราะผมเน้นประหยัดน้ำมันครับ
มาถึงการเลือกใช้ลมยางระหว่างเติมไนโตรเจนและเติมลมปกติ (Nitrogen Versus Compressed Air)  ล้อยางส่วนใหญ่จะถูกเติมด้วยลมยางปกติ แต่ในปัจจุบันเริ่มมีผู้ค้าหรือศูนย์บริการต่างๆที่ให้บริการเติมไนโตรเจนแทนลมยางปกติให้กับลูกค้า โดยจริงๆแล้ว ไนโตรเจนที่ใช้ในปัจจุบัน เกิดจากการกำจัดออกซิเจนออกไปจากลมยางปกติทำให้ไม่มีความชื้นในลมยางที่เติม (ในลมยางปกติมีไนโตรเจนประมาณ 79% ออกซิเจนประมาณ 21%) ดังนั้นจึงทำให้มีการรั่วไหลของอากาศออกจากล้อยางได้น้อยมากทำให้สามารถคงรักษาความดันลมยางได้เป็นเวลานานกว่าลมยางปกติ แต่อย่างไรก็ตามยังมีสาเหตุของการรั่วไหลของความดันล้อยางได้อีกเช่น ผิวสัมผัวระหว่างล้อยางกับกระทะ รอยต่อของวาวล์หรือจุกลม เป็นต้น ซึ่งเป็นเหตุให้ความดันลมยางในล้อยางลดลงได้อีกไม่ว่าจะเติมด้วยลมยางปกติหรือเติมด้วยไนโตรเจน 

สิ่งที่เป็นประเด็นคำถามอีกประการหนึ่งคือ เติมไนโตรเจนแล้วเกิดเผลอไปเติมลมปกติ จะเป็นอย่างไร คำตอบคือ ไนโตรเจนและลมยางปกติมันสามารถผสมกันได้ ไม่มีปัญหาประการใด ผู้ผลิตล้อยางต่างๆก็ได้ออกแบบล้อยางมาให้ใช้ได้ทั้งลมปกติหรือเติมไนโตรเจน โดยสิ่งสำคัญที่สุดคือ ผู้ใช้รถต้องเติมลมยางให้ได้ความดันลมยางตามที่กำหนดไว้ในคู่มือหรือข้างประตูคนขับมากกว่าครับ

สุดท้ายหากท่านจะเติมไนโตรเจน แน่นอนท่านมีค่าใช้จ่ายในการเติมไนโตรเจนอยู่แล้ว ดังนั้นสิ่งที่ต้องพิจารณาคือ คุณภาพของไนโตรเจนที่เติม จะต้องเป็นไนโตรเจนที่บริสุทธิ์ปราศจากออกซิเจนหรือมีออกซิเจนน้อยที่สุด เพื่อให้คุ้มค่ากับค่าใช้จ่ายที่เสียไป เพราะบางครั้งท่านอาจจะเจอตู้เติมไนโตรเจนที่ประสิทธิภาพต่ำ จนเหมือนท่านผู้ใช้กำลังเติมลมยางปกติครับ

สรุปอีกครั้งนะครับ สำหรับล้อยางรถยนต์ทั่วไปหรือรถบรรทุก สิง่สำคัญไม่ใช่อยู่ที่จะเติมไนโตรเจนหรือลมยางปกติ แต่อยู่ที่ความดันลมยางจะต้องอยู่เกณฑ์มาตรฐาน ไนโตรเจนอาจจะมีข้อดีตรงที่สามารถรักษาความดันลมยางได้เป็นเวลายาวนานกว่า  ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาตรวจสอบความดันล้อยาง โดยเฉพาะคุณสภาพสตรีทั้งหลายครับ แต่อย่างไรเสีย หากท่านไปเลือกใช้บริการตู้เติมไนโตรเจนที่ไม่มีประสิทธิภาพท่านก็จะได้ไนโตรเจนที่มีสมบัติคล้ายๆลมยางปกติอยู่ภายในล้อยางของท่านเท่านั้นเองครับ

บทความที่เกี่ยวข้อง
ระบบแสดงค่าความดันลมยาง (TPMS)


 
Yahoo bot last visit powered by  Ybotvisit.com